วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

ครีมกันแดด

เมื่อออกแดด ทุกคนจะรู้สึกร้อน และเมื่อต้องออกแดดเป็นเวลานานมากขึ้นหรือในช่วงที่แดดจัดๆ เช่น ช่วงเที่ยงวัน สิ่งที่สังเกตได้ดีคือ ผิวของเราจะคล้ำมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีกระหรือฝ้าที่ใบหน้าอยู่แล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า กระและฝ้าเข้มและมีจำนวนมากขึ้น หรือหลังจากไปเที่ยวทะเล อาบแดด จะพบว่าสีผิวของเราจะเปลี่ยนไป บางครั้งอาจมีผิวแห้งลอกเป็นขุยเล็กๆ ตามมาด้วย และเป็นอยู่นานเกือบสัปดาห์เลยทีเดียว
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสังเกตได้ชัดว่า เป็นผลกระทบจากแสงแดด หรือรังสี Ultraviolet (UV) นั่นคือ เซลล์สร้างสีผิว (melanocyte) จะถูกกระตุ้นให้สร้างเม็ดสี หรือ pigment มากขึ้น และเกิดการไหม้ของผิว (sunburn) ตามมาด้วย แต่สิ่งสำคัญที่เราอาจสังเกตเองได้ไม่ชัดเจนนักแต่มีผลอันตรายก็คือแสง UV นี้ จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโมเลกุลเล็กๆ ในเซลล์ผิวหนังของคนเราเช่น DNA, RNA, proteins และ enzyme ต่างๆ ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมาได้ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยด้วย (photoaging)
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะหันมาสนใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อสุขภาพผิว และป้องกันริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย
ก่อนจะรู้จักกับครีมกัดแดด เรามาดูเรื่องแสงแดดก่อนนะคะ แสงแดดประกอบด้วยแสงในช่วงความยาวคลื่นต่างๆ แบ่งได้ดังนี้
1. UVC มีความยาวคลื่น 100-280 นาโนเมตร
2. UVB มีความยาวคลื่น 280-300 นาโนเมตร
3. UVA มีความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร
4. Visible light มีความยาวคลื่น 400-800 นาโนเมตร
5. Infrared light มีความยาวคลื่น 800-1,700 นาโนเมตร
แสงในช่วงความยาวคลื่นที่มีผลกระทบต่อผิวหนังมากที่สุดคือ ช่วงของ UVB และ UVA ดังนั้นผลิตภัณฑ์กันแดดที่วางขายในท้องตลาดอาจแบ่งได้เป็น
1. สารกันแดดช่วงความยาวคลื่น UVB (UVB-absorbing agents) ได้แก่ PABA, glyceryl PABA, Padimate O และ Cinnamate
สารกลุ่ม PABA และ glyceryl PABA เป็นสารกันแดดที่ใช้กันมานาน แต่ในปัจจุบันพบว่าทำให้เกิดการแพ้ต่อผิวหนังที่สัมผัสได้ เช่น ทำให้เกิดอาการแสบร้อน คันหรือเป็นผื่นขึ้น จึงทำให้มีการใช้สารกลุ่มนี้น้อยลง
Padimate O เป็นสารที่ใช้กันค่อนข้างกว้างขวางและค่อนข้างปลอดภัย
Cinnamate เป็นตัวที่มีการใช้มากที่สุดในการกันแสง UVB ทำให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยแต่ก็พบได้เช่นกัน
2. สารกันแดดในช่วงความยาวคลื่น UVA (UVA-absorbing agents) ได้แก่กลุ่ม Benzophenone, Avobenzone, Solicylate และ Ahthranilates
สารกันแดดทั้งสองกลุ่มข้างต้นจัดเป็น chemical sunscreens ซึ่งมีกลไกในการกันแดดโดยดูดซับ และกรองแสง UV ทำให้แสง UV ผ่านทะลุผิวหนังได้น้อยลง และแสงบางส่วนที่ผ่านผิวหนังไป แล้วทำปฏิกิริยากับโมเลกุลต่างๆ ในเซลล์ได้เป็นอนุมูลอิสระ (free radical) ซึ่งเป็นตัวการทำลายผิวหนัง สารกันแดดเหล่านี้ก็จะไปจับหรือทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นด้วย
สารกันแดดอีกประเภทหนึ่ง เรียกว่า physical sunscreens จะมีกลไกในการกัดแดด โดยเมื่อทาแล้วสารเหล่านี้จะฉาบอยู่ที่ผิว และทำหน้าที่สะท้อนแสงกลับออกไป สารเหล่านี้ได้แก่ Titanium dioxide (TiO2) และ Zine oxide (ZnO) จะช่วยกันได้ทั้ง UVA และ UVB
ในครีมกันแดดชนิดหนึ่งๆ มักจะผสมสารกันแดดมากกว่า 2-3 ตัว เพื่อให้ได้ค่า SPF (sun protective factor) ที่สูงและกันแดดได้มากขึ้น (broad spectrum) แต่ SPF ของครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผิวของคนไทยคือ SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป และในคนที่ผิวขาวควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้น
นอกจากนี้ปริมาณของสารกันแดดที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญ หากทาครีมกันแดดบางเกินไปค่า SPF ที่ได้ก็จะต่ำกว่าที่ผลิตภัณฑ์ระบุไว้ และระยะเวลาหลังทาครีมกันแดด ถ้ายิ่งนานค่า SPF ก็จะลดลงด้วย เพราะครีมกันแดดบางส่วนจะถูกเช็ดออกหรือชะล้างออกด้วยเหงื่อ ดังนั้นเราอาจต้องทาครีมกันแดด ทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ค่า SPF ที่เหมาะสม
ในการเลือกวื้อผลิตภัณฑ์กันแดด เราจะเห็นว่าบางชนิดที่หลอดจะระบุไว้ว่าเป็น "water resistant" หรือ "water proof" ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์กันแดดนั้น สามารถกันน้ำได้โดยครีมกันแดดจะยังคงอยู่ หลังจากแช่อยู่ในน้ำนาน 40 นาทีและ 80 นาที ตามลำดับ ราคาของผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะค่อนข้างสูง จึงเหมาะสำหรับการว่ายน้ำ ไปทะเลหรือเล่นกีฬาที่เหงื่อออกมากๆ
ถึงแม้ว่าแสงแดดจะมีผลกระทบและอันตรายกับผิวหนังบ้าง แต่แสงแดดก็จำเป็นอย่างยิ่ง ในการดำรงชีวิตและมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นการรู้จักหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงแสงแดดจัดๆ เช่น ช่วงเวลา 10.00-16.00 น. และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดให้เหมาะสมกับผิวและกิจกรรมที่ทำอยู่ จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผิวและสำหรับคุ

ยี่ห้อเครื่องสำอางอันตราย 100 ยี่ห้อ

ตรวจรายชื่อเครื่องสำอาง
ด่วน...ก่อนหน้าพัง
                อย.ประกาศรายชื่อเครื่องสําอางอันตรายอีก 23 ยี่ห้อที่มีสารห้ามใช้ พบว่าส่วนใหญ่ผสมสารประกอบของปรอท ถ้านำมาใช้อาจทําให้แพ้และระคายเคืองถึงขั้นเสียโฉมได้
                ภญ.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา  สํานั กงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย .) ได้ออกเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางตามแหล่งจําหน่าย เช่น ร้านค้า และแผงลอย ในเขตกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และยโสธร นำตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์หาสารห้ามใช้ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เครื่องสำอางมีสารห้ามใช้รวม 23 ยี่ห้อ ตรวจพบกรดเรทิโนอิกหรือกรดวิตามินเอ สารประกอบของปรอท และไฮโดรควิโนน โดยผลการตรวจวิเคราะห์พบว่า เครื่องสําอางอันตรายเหล่านี้ส่วนใหญ่ลักลอบผสมสารประกอบของปรอท
                สารห้ามใช้ทั้ง 3 ชนิดนี้ ทําให้เกิดการแพ้ระคายเคืองและเป็นสาเหตุทำให้ผิวหน้าถึงขั้นเสียโฉมได้ จึงขอเตือนประชาชนอย่าซื้อมาใช้เด็ดขาด
 รายชื่อเครื่องสำอางอันตราย
1.ครีมนมแพะผสมสาหร่าย N-T (ตลับสีเขียว)
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุวันเดือนปีที่ผลิตและชื่อผู้ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
2.ครีมแครอทแก้ฝ้า-กระ (ตลับสีส้ม)
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุวันเดือนปีที่ผลิตและชื่อผู้ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
3.Gold Angel White Night Cream     
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุเลขที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่/ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย : บริษัท คิงเฮิร์บ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เลขที่ 688/73-75 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
4.ครีมสมุนไพรชาเขียว OR ครีมกลางคืน (ตลับสีเขียว) 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุวันเดือนปีที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
5.ครีมมะเขือเทศ แก้สิว หน้าขาว N-T (ตลับสีชมพู) 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุวันเดือนปีที่ผลิตและชื่อผู้ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
6.ครีมบำรุงผิวมุขหน้าขาว (ตลับขาว-น้ำเงิน) 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุวันเดือนปีที่ผลิตและชื่อผู้ผลิต
                จ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
7.ครีมสมุนไพรน้ำนมข้าว NT 
8.N (สรรพคุณแก้ฝ้าฝังลึกหน้าหมองคล้ำ) 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุวันเดือนปีที่ผลิตและชื่อผู้ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 ไฮโดรควิโนน
9.ครีมไพร 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุวันเดือนปีที่ผลิตและชื่อผู้ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
10.ครีมหน้าใสทาก่อนนอน 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุชื่อผู้ผลิตและเลขที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ร้านขายเครื่องสำอางเลขที่ 199/99 หมู่ 11 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
11.Sandnady NIGHT CREAM ครีมทาฝ้า/กระ 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุชื่อผู้ผลิตและเลขที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: ห้างคาร์ฟู เลขที่ 1293 หมู่ 4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 ไฮโดรควิโนน 
12.Silver Angel Face Day Cream 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุเลขที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่/ผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย : บริษัท คิงเฮิร์บ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เลขที่ 688/73-75 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
13.JIAO NUO FAYLACIS ครีมกลางคืน 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุเลขที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ชั้น 2 เซ็นทรัลสาขาปิ่นเกล้า แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม.
                ผู้ผลิต: บริษัท ห้วยโจเขื่อนเอิน คอสเมติก จำกัด ประเทศจีน
                ผู้นำเข้า: บริษัท ไจโอ นูโอ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด 302/20 ลาดพร้าว 71 วังทองหลาง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
14.JIAO NUO บาชิ ครีมกลางคืน 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุเลขที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่ทราบชื่อ ชั้น 3 มาบุญครองเซ็นเตอร์ ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ กทม.
                ผู้ผลิต: บริษัท ห้วยโจเขื่อนเอิน คอสเมติก จำกัด ประเทศจีน
                ผู้นำเข้า: บริษัท ไจโอ นูโอ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด 302/20 ลาดพร้าว 71 วังทองหลาง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
15.JIAO NUO บาชิ ครีมกลางคืน 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุเลขที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ชั้น 2 เซ็นทรัลสาขาปิ่นเกล้า แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม.
                ผู้ผลิต: บริษัท ห้วยโจเขื่อนเอิน คอสเมติก จำกัด ประเทศจีน
                ผู้นำเข้า: บริษัท ไจโอ นูโอ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด 302/20 ลาดพร้าว 71 วังทองหลาง กทม.
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย
16.นิว แคร์ ครีมสมุนไพรขมิ้น ครีมบำรุงผิวสมุนไพรขมิ้น 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุเลขที่ผลิตและวันเดือนปีที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่ทราบชื่อ ใกล้ตลาดเทศบาล อ.เมือง จ.ยโสธร
                ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย : นิวแคร์ บิวตี้
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
17.นิว แคร์ ไวท์ไนท์ครีม ครีมบำรุงผิวหน้ากลางคืน 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุเลขที่ผลิตและวันเดือนปีที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่ทราบชื่อ ใกล้ตลาดเทศบาล อ.เมือง จ.ยโสธร
                ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย : นิวแคร์ บิวตี้
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 : ไฮโดรควิโนน และสารห้ามใช้ 2 กรดเรทิโนอิก หรือกรดวิตามินเอ 
18.KL ครีมนมผึ้งผสมโสม 
                ข้อความฉลาก : ไม่ระบุชื่อผู้ผลิตและวันเดือนปีที่ผลิต
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่ทราบชื่อ ใกล้ตลาดเทศบาล อ.เมือง จ.ยโสธร
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
19.เอ็ม.วี.ไวท์เทนนิ่งครีม ครีมบำรุงผิวหน้ากลางคืน 
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่มีชื่อ ใกล้ตลาดเทศบาล อ.เมือง จ.ยโสธร
                ผู้ผลิต: บ.เอ็ม วี คอสเมติกส์ จ. 47/ 2 หมู่ 3 ต.เกษตรพัฒนา อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
                ประเทศแหล่งกำเนิด : - ไม่ระบุ -
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 ไฮโดรควิโนน  และสารห้ามใช้ 2 กรดเรทิโนอิก หรือกรดวิตามินเอ 
20.MV WHIENING CREAM ครีมแก้สิว-หน้าใส 
                เจ้าของ/สถานที่: แผงลอยไม่มีชื่อ ใกล้ตลาดเทศบาล อำเภอเมือง จ.ยโสธร
                ผู้ผลิต: บ.เอ็ม วี คอสเมติกส์ จ. 47/ 2 ม.3 ต.เกษตรพัฒนา อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
                ตรวจพบสารห้ามใช้ 1 สารประกอบของปรอทหรือปรอทแอมโมเนีย 
21.NEW CARE ครีมประทินผิวลดรอยด่างดำ 
22.D.C.White โลชั่นกันแดด ปรับสภาพผิวจากแสงแดด 
23.นิวแคร์ ครีมประทินผิวลดรอยด่างดำ 
24.นิวแคร์ โลชั่นปรับสภาพผิว 
25.Gold Angel White Night cream 
26.Silver Angel Face Day Cream 
27.พรีม โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า (ขายพร้อมครีมทาสิวสูตรขาวเนียน บรรจุในกล่องกระดาษสีชมพูขาว) 
28.3 ทรีเดย์ ไบรเทนแอนด์รีไวเทน โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า (บรรจุรวมกับ 3 ทรีเดย์ ครีมลดริ้วรอยหมองคล้ำ-ฝ้า ในกล่องกระดาษสีเหลือง-ขาว-ฟ้า) 
29.3 ทรีเดย์ เนเชอรัล โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า (บรรจุรวมกับ 3 ทรีเดย์ ครีมทาสิว สูตรขาวเนียนในกล่องกระดาษสีฟ้า-ขาว-เหลือง) 
30.โลชั่นวินเซิร์ฟลดฝ้า-กันแดด (ห่อด้วยพลาสติกใสไม่มีสี รวมกับครีมวินเซิร์ฟและสบู่สมุนไพรทองพันชั่งผสมมะขาม) 
31.3 ทรีเดย์ ไบรเทนแอนด์รีไวเทน โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า (บรรจุรวมกับ 3 ทรีเดย์ ครีมลดริ้วรอยหมองคล้ำ-ฝ้า ในกล่องกระดาษสีดำ-ขาว) 
32.3 ทรีเดย์ ไบรเทนแอนด์รีไวเทน ครีมลดริ้วรอยหมองคล้ำ-ฝ้า (บรรจุรวมกับ 3 ทรีเดย์ โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า ในกล่องกระดาษสีดำ-ขาว) 
33.ครีมสมุนไพรโสมจินเหม่ย 
34.ชิชาเดะ ครีมหน้าขาวโสมผสมไข่มุกญี่ปุ่น 
35.ครีมสมุนไพรขมิ้น M&G 
36.มิสเดย์ ครีมแก้ฝ้า ใช้กลางคืน(ขายพร้อมมิสเดย์ครีมแก้สิว ใช้กลางวัน) 
37.โลชั่นกันแดด-กันฝ้า เมลาแคร์ ผสมว่านหางจระเข้ 
38.ครีมฝ้าเมลาแคร์ 
39.โลชั่นปรับสภาพผิว เอสจี(ขายพร้อมมุยลีเฮียงครีมทาสิวฝ้า) 
40.ครีมชาเขียว DR.JAPAN 
41.DR.s Secret 4 skinrecon 
42.DR.s Secret 3 skinlight 
43.FRESHXEENA NIGHT CREAM 
44.MINGCHEN DAY CREAM WHITENING CREAM 
45.KAILI LOVELY M 
46.ไวท์เทนนิ่งครีม ROBISIS Whitening Cream Night Cream 
47.ไวท์เทนนิ่งครีม ROBISIS FADE-out Cream Day Cream 
48.Plsi Whitening Day Cream 
49.บาชิ ครีมกลางคืน 
50.PM3ไวท์เทนนิ่ง สูตรพิเศษ 
51.FC ครีมสมุนไพรน้ำนมข้าว 
52.สมุนไพรบ้านตะวัน 
53.ครีมชาเขียว DR.JAPAN 
54.QIAN MEI (ครีมสีเหลือง) 
55.QIAN MEI (ครีมสีขาว) 
56.Night Lotion 
57.ครีมไข่มุก 
58.ครีมมะขามเปลี่ยนสีผิว 
59.ครีมน้ำนมสปาเปลี่ยนสีผิว 
60.ครีมน้ำนมมะขามเปลี่ยนสีผิว 
61.VOV COLOR DESIGN 22 
62.Fem Hair Removing Cream RORE 
63.Fem Hair Removing Cream CHANDAN 
64.ไวท์ครีม (ครีมเปลี่ยนสีผม) 
65.Bio Je 
66.โลชั่นทาผิว HQ 
67.ครีมทารักแร้ขาว 
68.KARME Whitening Cream Night Cream 
69.WEiJiAO Double Night Cream 
70.WEiJiAO Whitening Essence 
71.Hymera Night Cream 
72.Hymera Day Cream 
73.CAI NI YA 
74.JIAO LING ครีมกลางคืน 
 75.JIAO LING ครีมกลางวัน 
76.ครีมหมอตะวัน 
77.ครีมสมุนไพรหมอตะวัน 
78.TALEENA CREAM ครีมสมุนไพรว่านหางจระเข้ 
79.สมุนไพรรักษาสิวฝ้า 
80.J Leena Serum Whitening Zerum (เย็น 1) 
81.J Leena Serum มุกหน้าใส-เด้ง(เช้า 2) 
82.BAOJU WHITENING CREAM NIGHT CREAM 
83.ครีมสมุนไพรว่านทิพย์ 
84.FAYLACIS NIGHT CREAM FS-202 
 85.YANKO Day Cream 
86.YANKO Night Cream 
87.ครีม FAYLACIS 
88.ครีม CTA 
89.ครีม Qian Mei กล่องสีเขียว มีรูปโสม 
90.คิวแคร์ ลดรอยดำ 
91.คิวแคร์ ครีมประทินผิวสูตรขมิ้น 
92.PREAME ครีมลดริ้วรอย 
93.PREAME โลชั่นป้องกันแสงแดด 
94.PREAME โลชั่นป้องกันแสงแดด-ฝ้า 
95.PREAME ครีมทาสิว 
96.ครีมแก้ฝ้า Q2 คิวทู 
97.ครีมสมุนไพรว่านนางพญาหน้าขาว 
98.ครีมสิวฝ้าสมุนไพร แพน-วี 
99.โลชั่นสมุนไพรป้องกันแสงแดด แพน-วี 
100.ครีมมิโกะไลท์ 3 Mikomuszuree
คณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ที่นำมาฝากก็เพื่ออย่างให้เพื่อนๆหรือคนที่ได้อ่านเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อเครื่องสำอาง

การใช้ครีมกันแดดให้ได้ผลดี

ควรทากันแดดทุกวันในตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน หรือหลังทาครีมบำรุงอื่นๆเสร็จแล้ว แล้วค่อยแต่งหน้า หรือถ้าเป็นท่านผู้ชายก็สามารถซับหน้าด้วยกระดาษเช็ดหน้า เพื่อซับความมันส่วนเกินออกไปค่ะ ไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้ค่ะการใช้กันแดด ควรใช้ที่มีค่า SPF ประมาณ 30 ขึ้นไปถ้าจะออกจากบ้าน ไม่ได้ไปเล่นกีฬากลางแจ้งนะค่ะ เวลาทามีคำถามมากว่าทาอย่างไร คำตอบก็คือทาคล้ายๆกับทาครีมบำรุงทั่วไป แต่บีบให้เยอะ ทาให้หนาด้วยค่ะ คือบีบประมาณยาว 1 ข้อนิ้วชี้ค่ะ ถ้าทาไม่หนา หรือบีบน้อยๆ ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดจะไม่เต็มตามที่เคลมไว้ค่ะ หน้าก็จะดำได้ และโอกาสฝ้ามาเยือนจริงๆนะค่ะ ไม่ต้องรออายุเยอะก็มาให้เห็นแน่นอน ยิ่งหน้าร้อนแบบนี้ แดดแรงสุดยอดจริงๆค่ะตอนเย็นหลังกลับบ้านก็อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาด ไม่ให้มีครีมใดๆตกค้าง ก่อนจะทาครีมบำรุงก่อนนอนนะค่ะ เพราะอาจทำให้ท่านเป็นสิวได้ เป็นสิวแล้วอาจจะนึกว่าแพ้ครีมกันแดด ทั้งๆที่ไม่ได้แพ้ก็ได้นะค่ะเท่านี้ใครๆ ก็สวยขาวใสได้ อย่างถูกวิธีนะค่ะ

วิธีการรักษาเมื่อแพ้เครื่องสำอางค์

อาการแพ้เครื่องสำอาง
1.อาการที่ผู้ใช้เครื่องสำอางจะรู้สึกด้วยตัวเอง เช่นอาการปวดแสบปวดร้อน อาการคัน หรือรู้สึกว่าคันยิบๆ อาการเหล่านี้จะเกิดเป็นช่วงสั้นๆ ไม่เกิด 10 นาที อาการที่พบบ่อยที่สุดมักเกิดจากการใช้เครื่องสำอางที่ใบหน้าแต่ผู้ที่แพ้มักไม่ไปพบแพทย์ เพราะเมื่อหยุดใช้ อาการก็จะหายไป ทั้งนี้อาจเกิดจากการระคายเคืองของเครื่องสำอาง 

    2.อาการแพ้ผื่นคัน อาจมีอาการตั้งแต่แพ้น้อยๆแค่มีผื่นแดงคัน จนกระทั่งแพ้มากเป็นตุ่มแดง ตุ่มน้ำ มีขุย บริเวณของร่างกายที่จะแพ้ได้บ่อยที่สุดคือ บริเวณหน้าโดยเฉพาะรอบดวงตา เนื่องจากเป็นบริเวณที่ผิวบางที่สุดคือ บริเวณหน้าโดยเฉพาะรอบดวงตา เนื่องจากเป็นบริเวณที่ผิวบางที่สุด 

    3.เกิดผื่นลมพิษ จะมีอาการผื่นแดง บวม ถ้าเป็นน้อยๆ อาจเห็นแค่หนังตาบวม ถ้าเป็นมากอาจพบผื่นบวมทั้งหน้า บางครั้งถ้าแพ้มาก อาจมีอาการทางด้านระบบอื่นของร่างกาย อาทิ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เช่น การแพ้ยาย้อมผม 

    4.เกิดผื่นดำ บางครั้งยิ่งทาเครื่องสำอางแล้วหน้ายิ่งดำ ทั้งนี้เนื่องจากในผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของน้ำหอม ซึ่งมีสารเคมีที่เมื่อโดนแสงแล้วจะเกิดการแพ้แสงแดดเห็นเป็นรอยดำบริเวณที่สัมผัส หรือบางครั้งผลิตภัณฑ์ที่มีสารธรรมชาติ เช่น มะกรูด มะนาว แตงกวา หรือการใช้สมุนไพรมาทาหน้าก็จะทำให้หน้าดำ เพราะมีสารที่ทำปฏิกิริยากับแสงแล้วทำให้เกิดผื่นดำได้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่รักษาฝ้าที่มีสารไฮโดรควิโนนในความเข้มข้นสูง จะทำให้เกิดปื้นดำบนใบหน้าอย่างถาวร แม้จะหยุดใช้แล้วก็ยังไม่หายดำ 

    5.เกิดผื่นขาว ในสมัยก่อนมีครีมที่นิยมทาให้ใบหน้าขาว ซึ้งทาแล้วก็ทำให้ขาวได้จริงๆ แต่ขาวแบบไม่สม่ำเสมอ กระดำกระด่าง ทั้งนี้เนื่องจากมีสารจำพวกปรอทโมโนอีเทอร์ ไฮโดรควิโนนที่มีความเข้มข้นสูง บางครั้งรอยด่างขาวนี้ก็เป็นแบบถาวร เมื่อหยุดใช้แล้วเม็ดสีก็ไม่กลับคืน ดังนั้นทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงห้ามใช้สารเหล่านี้ในเครื่องสำอางแล้ว 

    6.สิว เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของสารที่ทำให้เกิดสิว เช่น สาโนลิน โซเดียมลอรัลซัลเฟต สารสเตียรอยด์ เป็นต้น เมื่อใช้ไปนานๆ อาจก่อให้เกิดสิวได้ ดังนั้นถ้าคนที่มีอายุเลยวัยที่จะเป็นสิวแล้วเกิดเป็นสิวขึ้นมา ให้สงสัยไว้ก่อนว่าจะเกิดจากเครื่องสำอาง 

    7.การเปลี่ยนแปลงของเล็บ เช่น เล็บลอก เล็บผุกร่อน เปลี่ยนสี ขอบเล็บอักเสบ อาจเกิดจากการใช้เครื่องสำอางของเล็บ เช่น ยาทาเล็บ น้ำยาล้างเล็บ และบางครั้งก็เกิดจากร้านเสริมสวยที่รักษาความสะอาดไม่เพียงพอ 

    8.การเปลี่ยนแปลงของผม น้ำยาดัดผม น้ำยายืดผม จะทำให้เส้นผมเปราะหักง่าย น้ำยาย้อมผม น้ำยาทำสีผม อาจทำให้เส้นผมกระด้าง ขาดความเงางาม 

    9.ผลต่อระบบอื่นๆของร่างกาย เช่น เยื่อบุตาอักเสบ การดูดซึมของสาร การสะสมของสารพิษในระยะยาว ซึ่งถ้าเป็นเครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มักจะไม่มีอันตรายเหล่านี้ แต่บางครั้งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ผลิตอาจจะใส่สารที่เป็นอันตราย เช่น ปรอท ตะกั่ว อันก่อให้เกิดพิษได้ 

ข้อมูลจาก : Siamhealth.net

-----------------------------------------------------------
วิธีรักษาอาการแพ้เครื่องสำอางมาฝากกัน....

    1. หยุดการใช้เครื่องสำอางนั้นทันที และพยายามเช็ดหรือชะล้างบริเวณที่ใช้เครื่องสำอางนั้นให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปกติอาการแพ้ไม่รุนแรงมากนัก หลังจากนั้นสังเกตดูว่ามีอาการแพ้ลุกลามมากขึ้นอีกหรือไม่ โดยมากมักจะหายภายใน 7-10 วัน แต่หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว 

    2. หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ เมื่อทราบสาเหตุว่าแพ้เครื่องสำอางชนิดใดหรือสารที่เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางนั้น ควรงดใช้หรือหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด


     3. รักษาอาการแพ้ให้หาย หากเป็นผื่นแดง หรือเป็นตุ่มบวม หรือเป็นตุ่มน้ำใสมีน้ำเหลืองซึมออกมา ก็ควรทำความสะอาดแผลและใส่ยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการอักเสบเป็นหนอง นอกจากนี้ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจดูว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้น จากการแพ้เครื่องสำอางหรือไม่ หรือเกิดจากสาเหตุอื่น เพื่อรักษาและหยุดปฏิกิริยาการแพ้ให้หายโดยเร็วที่สุด

แพ้เครื่องสำอางค์ทำไงดี และข้อควรระวังในการใช้เครื่องสำอางค์

ข้อควรระวังในการใช้เครื่องสำอางค์

 
            
                เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์สิ่งปรุงซึ่งนำมาใช้กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อความสะอาด สวยงาม หรือเพื่อส่งเสริมให้ เกิดความสวยงาม ทั้งนี้รวมทั้งเครื่องประทินผิวต่าง ๆ ทุกชนิด ปัจจุบันผู้บริโภคนิยมใช้เครื่องสำอางกันมาก ทำให้มีการผลิตเครื่องสำอางออกจำหน่ายแข่งขันกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีทั้ง การผลิตที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ ได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะและการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อจำหน่ายในราคาถูก ปรากฏว่ามีผู้ได้รับอันตรายจากเครื่องสำอางเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
สารอันตรายในเครื่องสำอาง
อันตรายที่พบเสมอจากการใช้เครื่องสำอาง
สามารถแยกออกได้เป็น 3 สาเหตุ คือ
สาเหตุที่ 1 จากสารเคมีในเครื่องสำอางซึ่งการผลิตไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดวัตถุมีพิษเจือปน หรือผู้ผลิต เจตนาใส่สารเคมีที่มีอันตรายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นใส่เฮกซาคลอโรฟินในแป้งโรยตัวเด็กหรือใส่สารประกอบปรอท จำนวนมากเกินมาตรฐาน
สาเหตุที่ 2 จากจุลินทรีย์ในเครื่องสำอางซึ่งเกิดจาก
การผลิตไม่ได้สุขลักษณะ หรือจากวัตถุดิบที่ไม่สะอาด เพียงพอ อื้อ ฮือ !หน้าเละเชียว!!
สาเหตุที่ 3 การแพ้สารประกอบในเครื่องสำอาง
กรณีนี้เกิดเฉพาะผู้บริโภคบางรายเท่านั้น ไม่ได้เกิดกับทุกราย ที่ใช้เครื่องสำอาง
สารเคมีบางชนิดใน
เครื่องสำอางบางประเภทที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งผู้บริโภคพึงระมัดระวังคือ
1. สาร พี วี พี ซึ่งเป็นสารทำละลายที่มีอยู่ในน้ำยาสเปรย์ อาจทำให้เกิดการ
แพ้หรืออักเสบบริเวณหน้าผาก ข้างหู คอ และยังทำให้ผมแข็ง กรอบ เมธิลอัลกอฮอล์ ในน้ำยาสเปรย์ที่ไม่ถูกมาตรฐาน สารนี้เป็นวัตถุมีพิษ ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้อย่างรวดเร็ว อาจเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งการสูดดมและการซึมเข้าทางผิวหนัง
2. สี พาราฟินิลินไดอามิน ในน้ำยาย้อมผม ผู้ที่แพ้
สารนี้จะมีอาการรุนแรงมาก หนังศีรษะจะพองบวม มี น้ำเหลืองไหลทำให้นัยน์ตาอักเสบ บวม แดง น้ำตาไหล
3. เกลือโลหะ ในน้ำยาย้อมผม อาจทำให้ผู้ใช้บาง
รายแพ้โลหะเหล่านี้ได้
4. สี อี โอ ชิน ในลิปสติค ถ้าผู้ใดแพ้ เมื่อโดนแดด ริมฝีปากจะเป็นสีดำคล้ำ
5. เรซิน หรือน้ำมันยางไม้ ในครีมทาขนตาและครีมทาเปลือกตาอาจทำให้เกิดการแพ้ เข้าตาจะทำให้ ตาอักเสบ พร่ามัว บวมแดง หรือผื่นคันที่หนังตา
6. ปรอท แอมโมเนียในครีมลอกฝ้าสารเคมีทั้ง
สองชนิดนี้ถ้าใช้มากเกินขอบเขตที่กำหนดจะทำให้เกิด อันตรายได้ อาจแพ้ขึ้นผื่นคัน และที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ สารปรอทสามารถดูดซึมเข้าทางผิวหนัง ทำให้เกิดอันตรายต่อ ระบบภายในร่างกายได้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข ควบคุมส่วนผสมของเครื่องสำอางโดยกำหนดให้ใส่สารปรอท แอมโมเนียได้ไม่เกินร้อยละ 3
7.  ไฮโดรควิโนน ในครีมลอกฝ้า หากใช้ไปนาน ๆ
ผิวจะกลับขาวมากกว่าผิวปกติจนกลายเป็นด่างขาว แทนที่จะสวยกลับจะทำให้น่าเกลียด สารนี้ห้ามใช้เกินร้อยละ 2
8. เฮกซ่าคลอโรฟิน ในแป้งและสบู่ สารนี้เป็นอันตรายต่อเด็กอ่อน ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง จึงห้ามใช้ในแป้ง และสบู่ที่ใช้กับเด็กอ่อน การเลือกซื้อของสำหรับเด็กอ่อน จึงควรระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย
                     นอกจากสารดังกล่าวนี้ ยังมีสารเคมี
                     อีกหลายชนิดที่อาจเกิดอันตรายหาก
ใช้ปริมาณมากเกินกำหนด หรือใช้ไม่ถูกต้อง ซึ่ง กระทรวง
สาธารณสุข ได้ประกาศกำหนดปริมาณสูงสุดที่ให้ใช้ได้ในเครื่องสำอาง และจัดให้เครื่องสำอางที่ใช้สารต่าง ๆ นั้น เป็นเครื่องสำอางที่ควบคุม ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขก่อน จึงจะผลิตหรือ นำเข้าได้
การระมัดระวังอันตรายจากเครื่องสำอาง
             การระมัดระวังอันตรายจากเครื่องสำอางสามารถทำได้โดยเลือกซื้อเครื่องสำอางจากผู้ผลิตจำหน่ายที่เชื่อถือได้ มีการระบุ ชื่อ ที่อยู่ของผู้ผลิตอย่างชัดเจน และหากมีสารเคมีที่มีฤทธิ์แรงผสมอยู่ ก็จะต้องมีเลขทะเบียนเครื่องสำอางอยู่ด้วย ควรดู ฉลากให้ถี่ถ้วนเสมอ ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางที่เร่ขายในราคาถูก เพราะอาจได้รับเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน
เมื่อจะเริ่มใช้เครื่องสำอางชนิดใหม่
          ให้ทดสอบเครื่องสำอางกับตัวก่อนว่าจะเกิดอาการแพ้หรือไม้ โดยแตะเครื่องสำอางหรือทาบาง ๆ ตรงบริเวณใกล้ ๆ กับที่ จะใช้ ทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง ถ้ามีอาการแพ้ เช่น บวมแดงหรือผื่นคัน ก็ไม่ควรใช้เครื่องสำอางนั้น ในกรณีที่ใช้เครื่องสำอาง ไปแล้วต่อมาเกิดอาการแพ้ขึ้นภายหลัง ก็ให้หยุดใช้เครื่องสำอางทุกชนิดทันที และหากมีอาการแพ้มากควรปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าปล่อยไว้อาจมีอาการอักเสบเพิ่มขึ้น ยากแก่การรักษา
          การใช้เครื่องสำอาง อาจช่วยให้ความสวยงามเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องเสี่ยงกับพิษภัยและการแพ้ ทั้งยังสิ้นเปลืองเงินทองด้วย หากรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง จิตใจผ่องใส รักษาความสะอาดของร่างกาย แต่งกายให้สุภาพ เหมาะสมกับกาละ เทศะก็จะทำให้สวยได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง อย่าลืมว่า "งามใน ดีกว่างามนอก ที่พอกด้วยเครื่องสำอาง"

    ข้อแนะนำในการใช้เครื่องสำอาง 
-
 ปิดฝาเครื่องสำอางทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จ 
-
 รักษาความสะอาดของขวด กระปุก 
-
 เก็บเครื่องสำอางไว้ในที่อาการไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป อากาศถ่ายเทได้สะดวก 
-
 แปรงหรือฟองน้ำต้องทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ 
-
 สำลีหรือพัฟควรจะเลือกแบบใช้แล้วทิ้งเพียงครั้งเดียว 
-
 ให้ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนนอน 
-
 มั่นตรวจอายุของเครื่องสำอาง หากหมดอายุก็ทิ้งเสีย โดยเฉพาะมาสคาราจะมีอายุใช้งาน 3-4 เดือนเท่านั้น 
-
 หากผิวหน้ามีการติดเชื้อ ก็อาจจะหยุดหรือทิ้งเครื่องสำอางนั้นเสีย เนื่องจากอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียในเครื่องสำอาง 
   ข้อห้ามใช้เครื่องสำอาง 
-
 อย่าใช้เครื่องสำอางของคนอื่น หรือยืมเครื่องสำอางให้คนอื่น เพราะอาจจะถ่ายเทเชื้อโรคให้กัน 
-
 ห้ามใช้เครื่องสำอางที่ตั้งโชว์ไวตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางเพราะอาจจะติดเชื้อโรค 
-
 ให้ล้างหน้าให้สะอาดก่อนใช้เครื่องสำอาง 
-
 หลังตื่นนอนควรจะรอจนหน้าและหนังตาหายบวมจึงจะค่อยเมคอับ 
-
 ห้ามแต่งหน้าระหว่างอยู่ในรถเพราะอาจจะทิ่มตา 
-
 ห้ามเติมน้ำลงในเครื่องสำอาง เพราะอาจจะมีเชื้อแบคทีเรีย